การประหยัดไฟฟ้าแสงสว่างภายในอาคารสำนักงาน (Energy Saving for Lighting System in Office Building)
เมื่อ
LPDi คือ กำลังไฟฟ้าส่องสว่างที่ติดตั้งเฉลี่ยต่อหน่วยพื้นที่ i มีหน่วยเป็นวัตต์ ต่อตารางเมตร (W/m2)
LWi คือ ผลรวมของค่าพิกัดกำลังไฟฟ้าของหลอดไฟฟ้าทั้งหมดที่ติดตั้งในพื้นที่ i มีหน่วยเป็นวัตต์ (W)
BWi คือ ผลรวมของกำลังไฟฟ้าสูญเสียของบัลลาสต์ทั้งหมดที่ติดตั้งในพื้นที่ i มีหน่วยเป็นวัตต์ (W)
NWi คือ ผลรวมของค่าพิกัดกำลังไฟฟ้าของระบบไฟฟ้าแสงสว่างในพื้นที่ i ที่ถูกทดแทน ด้วยแสงธรรมชาติภายใต้เงื่อนไขการใช้พลังงานหมุนเวียน ในอาคาร มีหน่วยเป็น วัตต์ (W) ในหมวด 6 ของประกาศกระทรวงฉบับนี้
Ai คือ พื้นที่ใช้สอยทั้งหมดของบริเวณพื้นที่ i มีหน่วยเป็นตารางเมตร (m2)
เมื่อ LPD คือ กำลังไฟฟ้าส่องสว่างที่ติดตั้งเฉลี่ยต่อหน่วยพื้นที่อาคารมีหน่วยเป็นวัตต์ ต่อตารางเมตร (W/ m2)
ทั้งนี้ค่ากำลังไฟฟ้าส่องสว่างสูงสุด (Lighting Power Density; LPD) ของอาคารสำนักงานต้องมีค่าไม่เกิน 10 วัตต์/ตร.เมตร ถึงแม้ว่าอาคารสำนักงานของท่านอาจไม่เข้าข่ายตามกฎหมายกำหนด แต่มาตรฐานข้างต้นย่อมเป็นพื้นฐานขั้นต่ำที่เราจะนำมาใช้เริ่มต้นสำหรับการประหยัดพลังงานไฟฟ้าของระบบส่องสว่างในอาคารสำนักงาน ส่วนมาตรการประหยัดพลังงานของระบบไฟฟ้าส่องสว่างนั้นขึ้นอยู่กับข้อจำกัดต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว ส่วนที่สามารถนำมาเป็นแนวทางในการพิจารณามาตรการประหยัดพลังงานในระบบส่องสว่างในอาคารสำนักงานมีดังนี้1.การเลือกใช้หลอดไฟ LED ประสิทธิภาพสูง เบอร์ 5
ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ติดดาว
การประหยัดพลังงานโดยตรงที่อุปกรณ์ที่ใช้พลังงานโดยการเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟประสิทธิภาพสูง ประเภท LED นั้น เป็นมาตรการประหยัดพลังงานที่เห็นได้เร็วและชัดเจนโดยไม่มีความเบี่ยงเบนจากตัวแปรอื่นใด ทั้งนี้เราสามารถศึกษาข้อมูลด้านประสิทธิภาพพลังงาน (ลูเมนต่อวัตต์, l/W) ของหลอดไฟฟ้าแต่ละประเภทที่ได้รับการติดฉลากไฟฟ้าเบอร์ 5 ได้จาก Website LabelNo5 () ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยเกณฑ์ด้านประสิทธฺภาพพลังงานขั้นต่ำแสดงในตารางด้านล่างนี้ เพื่อเลือกใช้หลอดประหยัดพลังงานที่เหมาะสมกับสำนักงานของเราซึ่งจะสามารถประหยัดพลังงานได้ประมาณ 20-50 % ขึ้นอยู่กับชนิดของหลอดไฟฟ้าเดิมที่เราทดแทนด้วยหลอด LED
ตารางเกณฑ์ระดับประสิทธิภาพพลังงานผลิตภัณฑ์ LED ปี 2562
2. การประยุกต์ใช้แสงธรรมชาติ (Daylight)
การออกแบบอาคารในปัจจุบันต้องคำนึงถึงสภาวะโลกร้อน และความยั่งยืนการออกแบบการใช้แสง ธรรมชาติในอาคารมากขึ้น ซึ่งกลยุทธ์สำคัญในการปรับลดการใช้พลังงานลง คือการลดแสงแดดและความร้อนที่เข้าสู่ ตัวอาคารที่มีการปรับอากาศ โดยการนำกลยุทธ์และระบบแสงธรรมชาติขั้นสูงนี้มาประยุกต์ใช้สามารถลดการใช้ ไฟฟ้าของอาคารได้ ปรับปรุงได้ง่าย และควบคุมคุณภาพของแสงในอาคารได้ การนำแสง ธรรมชาติเข้าสู่ตัวอาคารเพื่อลดการใช้พลังงาน จำนวน 12 แบบดังนี้- หิ้งสะท้อนแสง (Light Shelves)
- บานเกล็ดและมู่ลี่ (Louvers and Blind Systems)
- แผงปริซึม (Prismatic Panels)
- แผงบังแดดที่ตัดด้วยเลเซอร์(Laser-Cut Panels)
- สกายไลท์แบบเลือกมุม (Angular Selective Skylight)
- อุปกรณ์กำหนดทิศทางแสง (Light-Guiding Shades)
- กระจกนำแสง (Sun-Directing Glass)
- กระจกนำแสงซีนิทัล (Zenithal Light-Guiding Glass with Holographic Optical Elements)
- ระบบบังแดดแบบเลือกทิศทาง (Directional Selective Shading Systems Using)
- ระบบเพดานท่อแสง (Anidolic Ceilings)
- ท่อนำแสงแอนโดลิก (Anidolic Zenithal Openings)
- มู่ลี่แสงอาทิตย์แอนโดลิก (Anidolic Solar Blinds)
3. การใช้อุปกรณ์ควบคุมการทำงานเพื่อการประหยัดพลังงาน
-
- อุปกรณ์ควบคุมการทำงานของระบบส่องสว่างโดยใช้มือ
การควบคุมการทำงานของระบบไฟฟ้าแสงสว่างตามความจำเป็นของการใช้งานจะสามารถประหยัดพลังงานของระบบแสงสว่างได้ 5-10% เช่น การติดตั้งสวิทช์แยกโซนตามพื้นที่ใช้งาน หรือรูปแบบของการใช้งาน และการใช้สวิทช์กระตุก (Pull down switch) เพื่อเลือกเปิดหรือปิดไฟส่องสว่างเฉพาะจุดที่บริเวณปฏิบัติงาน แต่สิ่งที่สำคัญคือ การสร้างความตระหนักในการประหยัดของพนักงานในพื้นที่นั้น เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก
- อุปกรณ์ควบคุมการทำงานของระบบส่องสว่างโดยใช้มือ
-
- ระบบการควบคุมการส่องสว่างอัจฉริยะ (SMART/IOT)
ด้วยเทคโนยีที่ทันสมัยในปัจจุบันการใช้หลอด LED อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอสำหรับการประหยัดพลังงานไฟฟ้าในปัจจุบัน อาจมีความจำเป็นต้องมีการควบคุมการทำงานของระบบส่องสว่างภายในสำนักงานแบบอัตโนมัติรวมด้วย ระบบควบคุมการทำงานของระบบส่องสว่างที่สามารถปรับความเข้มของการส่องสว่างเพื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรมของการใช้งาน รวมถึงการปิดไฟเมื่อไม่มีการใช้งานแต่คงเหลือไว้สำหรับพื้นที่จำเป็นเพื่อความปลอดภัยผ่านอุปกรณ์ Occupancy Sensors, Motion Sensors and Illumination Sensor ที่ควบคุมผ่านเครื่อข่ายอัฉริยะภายในอาคาร หรือ ผ่านระบบอินเตอร์เน็ท 5G (IOT) ทำให้สามารถตั้งค่าการส่องสว่างเฉพาะพื้นที่ตามความต้องการของผู้ใช้งาน และเกิดการประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ 10-40% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้อาคาร
- ระบบการควบคุมการส่องสว่างอัจฉริยะ (SMART/IOT)
แปลและเรียบเรียงโดย ดร.วิชาญ นาคทอง ทีมงาน iEnergy Guru
Reference
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!